Smart Contract ที่เรียกว่า The DAO เป็นองค์กรอิสระกระจายอำนาจ ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม Ethereum โดย Dao นั้นเป็นกองทุนร่วมลงทุนที่นักลงทุนจะลงคะแนนให้กับวิธีการจัดสรรเงินทุน กองทุนดังกล่าวได้รับความนิยมอย่างมากจนมาสารถดึงดูดนักลงทุนได้ถึง 14% ETH ของจำนวนทั้งหมด
จุดเริ่มต้นเกิดจาก Smart Contract ของ DAO มีช่องโหว่และพบข้อบกพร่องในการออกแบบ ทำให้แฮ็คเกอร์สามารถขโมย ETH ไปได้มากกว่า 3.6 ล้าน ETH จาก DAO ด้าน Vitalik Buterin ผู้สร้าง Ethereum และผู้คนในคอมมูนิตี้ส่วนใหญ่ต้องการที่จะ Hard Fork กลับไปที่บล็อกที่ 192000 ก่อนการแฮ็คจะเกิดขึ้นเพื่อที่จะได้เงินคืน
ท้ายที่สุดทาง Ethereum เลือกทำการ Hard Fork ซึ่งตรงนี้ทางผู้คนในคอมมูนิตี้บางส่วนแย้งว่าการเปลี่ยนแปลงใดๆ จะขัดกับธรรมชาติและปรัชญาพื้นฐานของ Ethereum เอง ทั้งยังตราหน้าผู้คนในชุมชนที่เห็นด้วยกับการ hard fork ซึ่งท้ายที่สุดมันควรที่จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ได้หรือเรียกมันว่า “Code is Law”
“ความหมายของ Code is Law คือ ประวัติธุรกรรมและ ledger ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม”
หลังจากการ Hard Fork เกิดขึ้นเมื่อทาง ETH ตัดสินใจได้ย้ายไปยังบล็อกใหม่ใหม่ เหลือแค่บ้านเก่าที่ถูกทิ้งร้าง ทางคอมมูนิตี้ที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ได้ก่อตั้ง Ethereum Classic ขึ้นมา และทาง ETC ได้ประกาศอิสรภาพโดยระบุว่า “เราเชื่อใน Blockchain ที่มีการกระจายอำนาจ เราเชื่อในวิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Ethereum ในฐานะคอมพิวเตอร์ระดับโลกที่ไม่สามารถปิดเครื่องได้โดยใช้ Smart Contract ที่ไม่สามารถกลับคืนสภาพเดิมได้” และนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นของ ETC
หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อเรา
BITKUB ONLINE Co., Ltd.
เว็บไซต์: www.bitkub.com
อีเมล์: support@bitkub.com
โทรศัพท์: 02-032-9555555
ข้อคิดเห็น
0 ข้อคิดเห็น